Back to Bangkok

  • Phuket Farewell
  • บ๊ายบายภูเก็ต
  • Phuket Farewell

    After spending four days in Phuket, ever-joyful Mom suddenly announced, “THuNG, I have great news! We’re heading back to Bangkok tomorrow!” Great news? For who? First, this means I have to endure another ten-hour car ride. Second, despite Mom’s best efforts to pack food, snacks, and water, she and Por still strictly ration my treats to just two lickable treats of a week. They’re worried I’ll get fat. Excuse me, where do they see fat? This is the dream physique for any cat! In Phuket, I got treats every day thanks to Auntie Ann, who spoiled me to the max. She doesn’t even own a cat but bought me snacks as soon as she heard I was coming. So sweet!

    Mom said since I’ve pointed out two good things about Phuket, I should think of two bad things about it too. Fine. First, this house is too clean and tidy. It’s nothing like our messy, chaotic home in Bangkok. I love the clutter, especially the uncleaned space under the bed where I can roll around to my heart’s content. That’s my idea of bliss. I need a dirty, messy house to feel at home. Why is Mom giving me that strange look? I’m complimenting our home!

    Second, even though I can roam around this house freely, Por and Mom rarely take me outside because they’re worried about stray dogs and cats attacking me, and they’re unsure about the traffic in this neighborhood. (Psst, between us, one time while living in our safe Bangkok home, an old lady drove into our narrow alley at top speed, despite kids playing around. But no worries, Por and Mom always keep a close eye on me when I’m outside.)

    Oh, I realize now what I’ve been missing. I haven’t followed the old Thai saying, “When in someone else’s home, be respectful, but don’t forget to bring in some sand.” Mom said it sounded weird, but I don’t care. When in Bangkok, I had to put in so much effort to roll around outside and bring in the perfect amount of dirt. It’s frustrating doing good and not being appreciated.

    After much contemplation, I’ve decided that I should return to Bangkok. (Wait, did I just hear Mom say, “THuNG, whether you want to or not, you’re coming back with us!”) Humans, especially Mom, talk too much. But what can I do? I saw Mom packing our bags and throwing in some lickable treats to keep me motivated for the long journey back.

    In the end, the journey from Phuket to Bangkok took exactly 12 hours. Twelve hours! At first, I ignored Mom, sulking on the back seat by myself. But then I realized, why should I be miserable alone? So, I decided to nap on Mom’s lap. Today, I truly understood the benefit of her big, comfy thighs.

    P.S. As soon as we arrived in Bangkok, Mom praised me for being such a good traveler. Of course! My first long trip was a whopping 2,000 kilometers from Bangkok to Hat Yai to Phuket and back to Bangkok.


    บ๊ายบายภูเก็ต

    หลังจากที่อยู่ภูเก็ต 4 วัน แม่ผู้หลั่นล้าตลอดเวลาก็พูดว่า “ถุง แม่มีข่าวดีมาบอก พรุ่งนี้ถุงจะได้กลับกรุงเทพฯ แล้วนะ” พูดมาได้ว่า ข่าวดี มันข่าวดีของถุงตรงไหน ข้อแรก แสดงว่า ถุงต้องนั่งรถอีกนานเป็นสิบชั่วโมง ข้อสอง ถึงแม่จะเตรียมอาหาร ขนม น้ำไว้ให้ถุงเป็นอย่างดีแล้ว แต่ป้อแม่ก็คอยกำหนดกะเกณฑ์ว่า แต่ละสัปดาห์ จะอนุญาตให้ถุงกินขนมแค่ 2 ซองเท่านั้น เพราะกลัวว่า ถุงจะอ้วน ขอโทษเถอะนะคะ ถุงอ้วนตรงไหน นี่มันหุ่นในฝันของบรรดาแมวๆ เลยค่ะ แต่ที่ภูเก็ต ถุงได้กินขนมทุกวัน เพราะมีน้าแอนผู้ซึ่งตามใจถุงตลอดเวลาเลยค่ะ (น้าแอนไม่ได้เลี้ยงแมวนะคะ แต่พอรู้ว่า ถุงจะไปภูเก็ต ก็ซื้อขนมตุนไว้ให้ถุงเลยค่ะ น่ารักจริงๆ ค่ะ)

    อะไรนะ แม่บอกว่า ในเมื่อถุงบอกข้อดีมา 2 ข้อแล้ว ให้คิดถึงข้อเสียมาซัก 2 ข้อซิ โอเคๆๆ ข้อแรก บ้านหลังนี้สะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย สู้บ้านแม่ไม่ได้เลยค่ะ บ้านแม่รกฝุดๆ ไม่เก็บกวาด หาความสะอาดไม่เจอ ถุงอะชอบมั่กๆ ยิ่งเวลาไปนอนเล่นใต้เตียงที่ไม่เคยทำความสะอาดเนี่ย ถุงฟินสุด ชอบที่สุดเลยค่ะ ใช่แล้ว ถุงต้องการบ้านที่รกและสกปรกเท่านั้น เอ๊ะ ทำไมแม่ทำหน้าแปลกๆ ถุงกำลังชื่นชมบ้านของเราเลยนะคะ

    ข้อสอง แม้ที่นี่ ถุงจะได้เดินเล่นทั่วบ้านได้ใจชอบ แต่ป้อแม่ก็ไม่กล้าพาออกไปเดินเล่นนอกบ้านซักเท่าไหร่ เพราะกลัวว่า จะมีหมาจรแมวจรโผล่มาทำร้ายถุง แล้วก็ยังไม่รู้ถึงพฤติกรรมการขับขี่รถยนต์ของคนหมู่บ้านนี้ด้วย (จุ๊ๆ ถุงบอกเลยนะว่า หลังจากที่ถุงอยู่ที่บ้านป้อแม่อย่างปลอดภัยอยู่หลายปี จู่ๆ ก็มีคุณป้าคนนึงขับรถเข้าซอยด้วยความเร็วสูง ทั้งๆ ที่ซอยก็เล็ก แถมมักจะมีเด็กๆ วิ่งเล่นด้วยค่ะ แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะทุกครั้งที่ถุงเดินเล่นนอกบ้าน ป้อกับแม่จะคอยดูแลถุงไม่ให้คลาดสายตาเลยค่ะ)

    โอว ถุงรู้ตัวแล้วว่า ชีวิตขาดอะไรไป ถุงไม่ได้ทำตามคำสำนวนไทยโบราณที่ว่า อยู่บ้านท่าน อย่านิ่งดูดาย ให้ขนทรายเข้าบ้านด้วย (ถุงได้ยินแม่บ่นว่า ทำไมมันฟังแปลกๆ ค่ะลูก) เฮ้อ เบื่อมนุดจริงๆ แม่รู้มั้ยว่า ตอนที่อยู่กรุงเทพฯ กว่าที่ถุงจะขนทรายเข้าบ้านได้ตามปริมาณที่ถุงต้องการ ถุงต้องได้ความพยายามในการกลิ้งเกลือกบนถนนหน้าบ้าน นานแค่ไหน ถุงเสียใจมากๆ ทำดี แต่ไม่ได้ดี

    หลังจากที่ถุงกลับไปนอนคิด ถุงก็ตัดสินใจได้ว่า ถุงควรกลับกรุงเทพฯ ค่ะ (อะไรกัน ได้ยินเสียงแม่พูดอีกแล้ว ถุงเอ้ย ต่อให้ถุงไม่อยากกลับ แม่ก็พาถุงกลับอยู่ดี) เบื่อมนุดแม่เนอะ พูดมากเหลือเกิน แต่ก็นั่นแระ ถุงก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเห็นแม่เก็บกระเป๋า หยิบหนมแมวเลียใส่ตะกร้า เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการเดินทางกลับกรุงเทพฯ ของถุง

    สรุป ถุงใช้เวลาในการเดินทางจากภูเก็ต จนถึงบ้านที่กรุงเทพฯ รวม 12 ชม. สิบสองชั่วโมงเลยนะ! ช่วงเดินทางแรกๆ ถุงก็ยังงอนแม่อยู่ ไม่อยากจะง้อคนน่าเบื่อ เลยนอนเล่นบนเบาะหลังคนเดียวไปค่ะ แต่คิดไปคิดมา ทำไมถุงต้องเบื่อและเหน็ดเหนื่อยอยู่คนเดียว เลยตัดสินใจนอนบนขาของแม่แทนค่ะ บอกเลยว่า ถุงเห็นประโยชน์ของหน้าขาอันใหญ่บึ้มของแม่วันนี้นี่เอง

    ปล. ถึงกรุงเทพฯ ปุ๊บ ก็ได้รับคำชมจากแม่ปั๊บเลยว่า ถุงเก่งมากเลยค่ะลูก ก็แหงซิ นั่งรถทางไกลครั้งแรก ก็ไปกรุงเทพฯ. - หาดใหญ่ - ภูเก็ต - กทม. ระยะทางกว่า 2,000 กิโลเลยนี่ค่ะ