Home Sweet Home
Love and Freedom
Finally, the long-awaited day has arrived. The day I, THuNG, have a slave—I mean, a home of my own. All my efforts of charmingly strolling around for several days have paid off. Oops, did I just reveal the truth that I intended to trap the slaves in this house because I considered that the woman here is not so bright—er, I mean, has a kind heart? THuNG, you're so terrible, spilling the beans like that.
Let me tell you a little about my slave's house. There are just two people here. The woman asks me to call her Mom, and the man asks me to call him Por (which likely comes from the Thai word for "father"). Por said that when he lived in the countryside, he used to raise cats, but they lived outside. He fed them until they were full, took them to the vet when they were sick, and continued to care for the kittens when they were born. This cycle repeated endlessly. But Por said he never saw the father of the kittens even once. Hahaha.
As for Mom, she hasn't raised any pets in decades. She said she used to have a puppy when she was in kindergarten (wow, who knows how long ago that was). But the puppy got rabies, and her grandpa told her there was no cure. To prevent any danger to others, they had to put the puppy down. Mom was very young at the time and could only cry out of sorrow. She doesn't even remember if her cries or the puppy's cries were sadder. Since then, she hasn't dared to raise any pets until she met me.
Uh, I'm not sure if this is Mom's destiny or my fate that made her fall for me at first sight. She kept waiting to see me every day until we ended up living together today. But anyway, I know that Mom loves and cares for me a lot. Even when she put something on my neck, she said, “It’s a symbol that shows you are part of the family, our beautiful daughter. You will always receive love, care, and attention.” Okay... I'll see if I can trust Mom’s words.
After I had been living in this house for about a month, P'Kao (my ex-boyfriend, by the way) came to visit and begged me to go back to live with him. He said living in this house is like a bird in a golden cage—a life without freedom. How can one be happy like that? But let me tell you, I don’t feel deprived of freedom at all. Por and Mom take me for walks every day, once before work and once after. On days off, there are extra walks in the middle of the day and at night. Oh, don’t worry, during all the walks, Por and Mom always watch over me because they say my safety is their top priority.
After talking with P'Kao for a while, I found out the truth: he was pleading with me to come back because he had broken up with his fling. Honestly, I wanted to laugh at him, but I realized I was lucky to find out early what kind of person he really is, how terrible he is. So, I didn't get too deeply involved. Let me tell you this: if you are in a bad relationship, step out. You are worth more than that. Don’t let someone who doesn’t love you hurt you anymore. I believe that if having a partner makes your life worse, it’s better to be single. Being with those who love us and whom we love is much better.
Ps. Sometimes, you have to choose between love and freedom. For me, choosing love hasn’t taken away my freedom; it’s enhanced it in ways I never imagined.
ความรักและอิสรภาพ
ในที่สุดวันนี้ที่รอคอยก็มาถึง วันที่ถุงมีทาส เอ้ย มีบ้านเป็นของตัวเอง ไม่เสียแรงที่เดินอ่อยอยู่หลายวัน โอ๊ะ นี่ถุงหลุดปากพูดความเป็นจริงไปใช่มั้ยคะว่า ถุงตั้งใจตกทาสที่บ้านหลังนี้ เพราะพิจารณาแล้วว่า มนุดผู้หญิงบ้านนี้ฉลาดน้อย เอ้ย จิตใจดี ถุงนี่แย่จัง พิมพ์ผิดพูดถูกไปเรื่อยเลยค่ะ
ถุงขอเล่าเรื่องบ้านทาสนิดนึงนะคะ บ้านนี้อยู่กันแค่ 2 คนค่ะ ผู้หญิงให้ถุงเรียกว่า แม่ ผู้ชายให้ให้ถุงเรียกว่า ป้อ (น่าจะมาจากคำว่า พ่อ นั่นแหล่ะค่ะ) ป้อบอกว่า สมัยอยู่ที่ต่างจังหวัด ป้อเคยเลี้ยงแมวมาก่อน แต่ก็เลี้ยงแบบปล่อยให้อยู่นอกบ้าน คอยให้อาหารให้อิ่มท้อง ป่วยก็พาไปหาหมอ พอแมวท้องก็เลี้ยงลูกแมวต่อ วนลูปไปเรื่อยๆ ค่ะ แต่ป้อบอกว่า ป้อไม่เคยเห็นพ่อของลูกแมวเลยซักครั้ง เอิ๊กๆๆ
ส่วนแม่ไม่ได้เลี้ยงอะไรมาเป็นสิบๆ ปีแล้วค่ะ แม่บอกว่า เคยเลี้ยงน้องหมาตอนสมัยอยู่อนุบาล (โห ไม่รู้ต้องย้อนอดีตไปนานแค่ไหน) แต่น้องหมาป่วยเป็นโรคพิษสุนัขบ้า คุณตาบอกแม่ว่า ไม่มีทางรักษาให้หาย เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายกับคนอื่น จะต้องกำจัดน้องหมาทิ้งไป ตอนนั้นแม่ยังเด็กมากๆ ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ร้องไห้ด้วยความเสียใจ แม่จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่า เสียงร้องของแม่กับเสียงของน้องหมาที่กำลังจะโดนกำจัด เสียงไหนมันจะเศร้ามากกว่ากัน ตั้งแต่นั้นแม่ก็ไม่กล้าเลี้ยงสัตว์อะไรอีกต่อไป จนกระทั่งแม่มาเจอถุง
เอ่อ ถุงไม่แน่ใจว่า นี่มันคือพรหมลิขิตของแม่หรือกรรมลิขิตของถุงกันแน่ที่ทำให้แม่ถูกชะตาถุงตั้งแต่แรกเห็น คอยเฝ้ารอจะเจอถุงในทุกวัน จนกระทั่งได้อยู่ด้วยกันในวันนี้ แต่เอาเถอะ ถุงก็รู้แหละว่า แม่รักและเอ็นดูถุงมากๆ ขนาดตอนที่แม่เอาอะไรไม่รู้มาแขวนที่คอถุง แม่บอกว่า “มันเป็นสัญลักษณ์ที่บอกให้รู้ว่า ถุงคือคนในครอบครัว เป็นลูกสาวคนสวยของพ่อแม่ ถุงจะได้รับความรัก ความห่วงใย การดูแลเอาใส่ใจตลอดไปค่ะ” โอเค...ถุงจะคอยดูนะว่า ถุงจะเชื่อคำพูดแม่ได้รึเปล่า
หลังจากถุงมาอยู่บ้านนี้ได้ซักเดือนนึง พี่ขาว (แฟนเก่าถุงนะคะ ย้ำว่า แฟนเก่า) แวะมาหาถุงที่บ้าน มาขอร้องให้ถุงกลับไปอยู่กับพี่ขาวเหมือนเดิม การที่ถุงอยู่บ้านหลังนี้ มันก็เหมือนนกน้อยในกรงทอง ชีวิตที่ขาดอิสระ จะมีความสุขได้อย่างไรกัน แต่ถุงขอบอกว่า ถุงไม่ได้รู้สึกว่า ขาดอิสระเลยนะคะ เพราะป้อกับแม่พาถุงเดินเล่นทุกวัน ก่อนไปทำงาน 1 ครั้ง หลังเลิกงานอีก 1 ครั้ง ถ้าวันหยุดก็มีเพิ่มรอบกลางวันกับช่วงดึกอีก โอ๊ะ ไม่ต้องกังวลนะคะ ตลอดเวลาของการเดินเล่น ป้อกับแม่จะคอยนั่งเฝ้าถุงอยู่ตลอดค่ะ เพราะป้อแม่บอกว่า ความปลอดภัยของถุงคือสิ่งสำคัญอันดับ 1 ค่ะ
หลังจากคุยกับพี่ขาวอยู่ซักพัก ถุงก็รู้ความจริงว่า ที่พี่ขาวมาอ้อนวอนถุงให้กลับไป เป็นเพราะพี่ขาวเลิกกับกิ๊กแล้ว ถุงอะนะอยากจะสมน้ำหน้าพี่ขาวมากๆ แต่ถุงคิดว่า ถุงโชคดีแล้วที่รู้ตัวเร็วว่า พี่เขานิสัยเป็นแบบไหน แย่แค่ไหน ถุงเลยไม่ต้องถลำลึกมากไปกว่านี้ ถุงบอกตรงนี้เลยนะคะว่า ถ้าคุณอยู่ในความสัมพันธ์ที่แย่ ให้คุณถอยออกมาค่ะ คุณมีค่ามากกว่านั้น อย่าให้คนที่ไม่รักคุณ ทำร้ายคุณมากไปกว่านี้ ถุงถือคติว่า ถ้ามีแฟนแล้วมีชีวิตที่แย่กว่าเดิม ถุงขอใช้ชีวิตโสดดีกว่าค่ะ อยู่กับคนที่เรารักและเขารักเราดีกว่าเยอะเลยค่ะ
ปล. บางครั้งเราอาจจะต้องเลือกระหว่างความรักและอิสรภาพ แต่เมื่อถุงเลือกความรักจากแม่ มันไม่ได้พรากอิสรภาพไปจากถุง แต่กลับเติมเต็มชีวิตของถุงให้มีความสุขและสมบูรณ์ยิ่งกว่าที่ถุงเคยฝันไว้อีกค่ะ