Vet Visit Blues

  • Under the Weather
  • เมื่อถุงถุงป่วย
  • Under the Weather

    “THuNG, THuNG, THuNG, are you okay, sweetie? You haven't been your usual self lately.” I slowly lift my head and glance at Mom. I wish I could tell her that I'm in pain, but all I can do is let out a weak meow. Mom is so smart; she knew I was unwell.

    I've been feeling under the weather for a couple of days now, but today the pain is much worse. I don't want to move at all. Mom must have noticed that I’ve barely eaten and don’t want to leave the house or walk anywhere. She tells Por, “Por, we need to take THuNG to the vet. I think she’s not feeling well. I carried her downstairs to eat, but she wouldn’t eat and seemed to be in pain when I picked her up.” Mom sounds so worried. But if I had the strength, I would’ve bitten her head off for grabbing me right where it hurts!

    “Let me see her,” says Por, who has experience with cats. He checks me over and finds a wound near my bottom. “She’s got a sore. We need to take her to the vet,” he tells Mom with a serious tone. But I’m more stressed than he is, wanting to beg them not to take me. The last time I was at the hospital, I remember being forced to take a bath by some mean person.

    Mom must sense my fear and tries to comfort me, “Don’t worry, THuNG. We’re not going to the same hospital. We’re looking for a better one for you.”

    After scrolling through hospital reviews on Google, Mom grabs my trusty pink carrier and prepares to take me. “THuNG, I’ve put your favorite blanket in the carrier, so you’ll feel safe.” Safe! How is this supposed to make me feel safe at the hospital?

    At the hospital, a big assistant, even larger than Por, weighs me and then takes me to the vet. While the vet examines me, the assistant has to hold me still. When the vet touches my wound, I scratch the assistant. Sorry, but it’s not my fault. He had it coming.

    The vet says my anal gland is infected, causing the wound and pus. It needs to be cleaned daily. He asks if Por and Mom will clean it at home or bring me to the hospital every day. Without hesitation, they choose the hospital. Of course, the image of the assistant’s bleeding hand is still fresh in their minds.

    The vet prescribes various medications – some to be taken before meals, some after. Mom looks so stressed, clearly worried about forcing me to take them. I’m curious to see if she fears my anger over being forced meds or Por's complaints more.

    The vet also suggests sending the pus for testing to tailor my treatment. They quickly agree, naturally, because they love me so much. But I think their love for me dropped by 0.000000001% when the staff said, “Today’s bill is x,xxx baht. Will you be paying by cash or card?” They looked at me in unison, probably realizing the daily wound cleaning would add up. The final bill would certainly exceed ten thousand baht.

    P.S. Por and Mom, don’t complain. I heard Mom comforting me in the examination room, saying, “Be strong, Thung. It won’t hurt. Let the vet clean the wound, or it will get worse and be more painful.” I didn't dare cry because Mom was already tearing up before I did.
    P.S.2 I'm angry and upset because the vet shaved my fur! How am I supposed to go out and show off my beauty now?


    เมื่อถุงถุงป่วย

    “ถุง ถุง ถุง เป็นอะไรรึเปล่าคะลูก ทำไมช่วงนี้ไม่สดใสเลย” ถุงค่อยๆ เงยหน้า เหลือบตามองแม่จ๋า ถุงอยากบอกแม่เหลือเกินว่า ถุงเจ็บ ถุงปวด แต่ถุงพูดไม่ได้ ได้แต่ส่งเสียง แง่วๆ เบาๆ แต่แม่เก่งจัง แม่รู้ได้ไงว่า ถุงไม่สบาย

    ถุงเริ่มครั่นเนื้อครั่นตัว ไม่สบายมาซักวันสองวันแล้ว แต่วันนี้ถุงปวดหนักขึ้นมากๆ ไม่อยากจะขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวร่างกาย แม่คงเห็นถุงกินข้าวได้น้อย ไม่อยากจะออกจากบ้าน หรือเดินไปไหน แม่เลยบอกป้อว่า “ป้อๆ พาถุงไปหาหมอเถอะ หนูว่าถุงไม่สบายอ่ะ นี่หนูอุ้มถุงลงมากินอาหาร แต่ถุงก็ไม่ยอมกิน จังหวะที่หนูอุ้ม ถุงก็ร้องเหมือนจะเจ็บด้วยค่ะ” แม่พูดกับป้อด้วยความเป็นห่วงถุง แต่จังหวะที่แม่อุ้มถุงอยู่อ่ะ ถ้าถุงมีแรงละก้อ ถุงจะงั่มหัวแม่ให้จมเขี้ยวเลยค่ะ ก็แม่ก็จับโดนตรงที่ถุงเจ็บพอดีนะซิ !!

    “ไหนๆ เอาถุงมานี่ซิ” ป้อผู้มีประสบการณ์การเลี้ยงแมวมาก่อน รีบดูถุง แล้วป้อก็เห็นแผลที่ข้างๆ ก้นของถุง “อ้วนๆ ถุงเป็นแผลอ่ะ ต้องพาไปหมอแล้ว” ป้อพูดกับแม่ด้วยน้ำเสียงที่เครียดมากๆ แต่ถุงเครียดกว่า อยากจะร้องบอกป้อกับแม่ใจจะขาดว่า อย่าพาถุงไปหาหมอเลยนะคะ คราวที่แล้วที่พาถุงไปโรงพยาบาล ถุงจำได้ว่า มีคนใจร้ายบีบบังคับจับถุงอาบน้ำ

    แม่เหมือนจะรู้ว่าถุงกลัว เลยปลอบใจถุงว่า “ถุงจ๋า แม่ไม่พาถุงไปโรงพยาบาลเดิมแล้วนะคะ แม่กำลังหาโรงพยาบาลใหม่ที่ดีๆ ให้ถุงนะคะ ถุงอย่ากลัวไปนะคะ”

    หลังจากที่ไถดูรายชื่อ+รีวิวโรงพยาบาลจากกูเกิ้ลแล้ว แม่ก็ไปหยิบตะกร้าชมพูคู่ใจมาใส่ถุง เพื่อจะได้พาไปโรงพยาบาล “ถุงจ๋า แม่เอามาผ้าเน่าใส่ในตะกร้าให้ถุงด้วยนะคะ ถุงจะได้รู้สึกปลอดภัยค่ะ” ถุงถามคำเดียวว่า ไปโรงพยาบาลเนี่ย มันปลอดภัยต่อสภาพจิตใจของถุงตรงไหนคะ

    ถุงมาถึงโรงพยาบาล ผู้ช่วยคุณหมอเป็นผู้ชายร่างใหญ่กว่าป้อ พาถุงไปชั่งน้ำหนัก แล้วก็พาไปพบคุณหมอ ระหว่างที่คุณหมอตรวจดูโน่นนี่นั่น พี่ผู้ช่วยก็ต้องจับถุงไว้ แล้วมีจังหวะนึงที่คุณหมอจับโดนตรงแผล ถุงเลยสวบมือพี่ผู้ช่วยไปทีนึง เลือดซิบเลยค่ะ ถุงขอโทษแต่ถุงไม่ผิดค่ะ พี่ผู้ช่วยจำไว้เลยนะคะ

    สรุป คุณหมอบอกว่า ต่อมข้างก้นถุงอักเสบค่ะ ทำให้เป็นแผลและมีหนองค่ะ จำเป็นต้องทำความสะอาดแผลทุกวัน คุณหมอถามว่า ป้อแม่จะทำความสะอาดแผลเอง รึจะมาโรงพยาบาลทุกวันเพื่อให้คุณหมอทำความแผลให้ดีคะ ป้อแม่ตอบอย่างไม่ต้องคิดว่า มาโรงพยาบาลทุกวันดีกว่าครับ/ค่ะ แหงแซะ ภาพเลือดของพี่ผู้ช่วยยังติดตาป้อกับแม่อยู่นิหน่า

    คุณหมอจ่ายยาให้ถุงมาหลายขนานเลยค่ะ อันโน่นกินก่อนอาหาร อันนี้กินหลังอาหาร ถุงหันไปดูแม่ แล้วรับรู้ได้เลยว่า แม่เครียดมากๆ เพราะแม่ไม่กล้าบังคับถุงให้กินยาแน่ๆ ถุงจะรอดูว่า ระหว่างกลัวถุงจะโกรธที่ถูกบังคับให้ทานยากับกลัวป้อจะบ่นที่ป้อนยาถุงไม่ได้ แม่จะกลัวอะไรมากกว่ากัน

    คุณหมอยังถามป้อกับแม่ด้วยว่า แผลมันมีหนองแล้ว จะให้ส่งไปตรวจเชื้อด้วยมั้ย เพราะตอนนี้คุณหมอให้ยาตามการวินิจฉัยเบื้องต้น แต่ถ้าได้ผลเพาะเชื้อมา ก็จะได้ปรับยาให้เหมาะสมต่อไป สองคนนั้นรีบเซย์เยสทันที ก็แหงแซะ ป้อกับแม่รักถุงขนาดนี้ มีหรือที่จะไม่ส่งเชื้อไปตรวจ

    แต่ถุงว่า ความรักของป้อกับแม่ที่มีต่อถุงลดลงไป 0.000000001% ตอนที่เจ้าหน้าที่บอกว่า “ค่ารักษาพยาบาลของน้องถุงถุงวันนี้ทั้งหมด x,xxx บาท ไม่ทราบว่า จะชำระเป็นเงินสดหรือบัตรเครดิตดีคะ” ป้อกับแม่หันมามองถุงพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย อะไรนะ ถุงได้ยินเสียงป้อกับแม่บ่นว่า แล้วยังต้องพาถุงมาล้างแผลทุกวันจนกว่าจะหาย ถุงว่า ค่าใช้จ่ายมันก็ไม่ได้เยอะนะคะ กว่าถุงจะหาย ยังไงก็เกินหมื่นอย่างแน่นอนค่ะ

    ปล. ป้อแม่ไม่ต้องทำเป็นบ่นถุงเลยค่ะ ตอนที่อยู่ในห้องตรวจ ถุงได้ยินเสียงแม่ปลอบว่า “ถุงอดทนนะลูก ไม่เจ็บนะลูก ให้คุณหมอทำแผลให้นะคะ ถ้าคุณหมอไม่ทำ หนูจะเจ็บและทรมานยิ่งกว่านี้ค่ะ” ถุงนี่ไม่กล้าร้องไห้เลยค่ะ เพราะแม่น้ำตาซึมไปก่อนหน้าถุงแล้ว
    ปล.2 ถุงโมโห ถุงไม่พอใจ คุมหมอโกนขนถุงด้วยค่ะ แล้วแบบนี้ ถุงจะกล้าออกจากบ้าน ไปอวดโฉมความงามคนอื่นได้ยังไงกัน